แม้ว่าโรคมะเร็งจะเป็นปัญหาทางสุขภาพที่ทำให้คนไทยเสียชีวิตเป็นลำดับต้น ๆ แต่รู้หรือไม่ว่าเราสามารถลดอัตราความสูญเสีย และเพิ่มโอกาสในการรอดชีวิตได้ หากเราสามารถตรวจความผิดปกติของร่างกายได้ตั้งแต่เนิ่น ๆ ด้วยการตรวจ Cancer Screening Test( EDIM TEST ) ซึ่งเป็นวิธีตรวจคัดกรองมะเร็งที่ครอบคลุมมะเร็งได้เกือบทุกชนิด โดยสามารถตรวจหาความเสี่ยงของโรคมะเร็งได้ตั้งแต่ระยะศูนย์ เราอยากให้คุณได้รู้จักกับการตรวจชนิดนี้ โดยเฉพาะผู้ที่มีความเสี่ยง ทั้งผู้ที่ใช้ชีวิตยุคใหม่ ตื่นเช้านอนดึก โหมงานหนัก พักผ่อนน้อย ทานอาหารจานด่วน ไม่แตะผัก ไม่รักการออกกำลังกาย รวมไปถึงผู้ที่มีญาติสายตรงป่วยด้วยโรคมะเร็งทุกชนิด
การตรวจคัดกรองมะเร็ง Cancer Screening Test ( EDIM TEST ) จะช่วยให้เรารับมือกับโรคมะเร็งและลดความสูญเสียได้อย่างไร นี่คือคำแนะนำจาก นพ.ศิต เธียรฐิติ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่เรานำมาฝากกัน
โรคมะเร็งภัยร้ายคร่าชีวิตและทำลายสุขภาพประชากรลำดับต้น
มะเร็งเป็นโรคที่ทุกคนต้องเฝ้าระวังและให้ความสำคัญเป็นอย่างมาก เพราะตั้งแต่ปี 2546 โรคมะเร็งเป็นสาเหตุการเสียชีวิตอันดับ1 ของคนไทยมาโดยตลอด และที่น่ากลัวกว่านั้นก็คือ ในทุก ๆ ปีพบว่า ตัวเลขของจำนวนผู้เสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งนั้นมีมากขึ้นอย่างต่อเนื่อง
จากสถิติดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า วิถีการดำเนินชีวิตของคนไทย มลภาวะที่เกิดขึ้น การปนเปื้อนของสารพิษและสารเคมีต่าง ๆ น่าจะเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็วจนเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดโรคมะเร็ง อัตราการเกิดโรคมะเร็ง และอัตราการเสียชีวิตของโรคมะเร็งตามมานั่นเอง ซึ่งปัจจัยข้อหนึ่งที่เป็นเหตุผลว่าทำไมตัวเลขของผู้ป่วยและผู้เสียชีวิตถึงมีจำนวนสูงก็เป็นเพราะว่า โรคมะเร็งเป็นโรคที่ไม่แสดงอาการในระยะเริ่มแรก และบางครั้งการตรวจคัดกรองด้วยวิธีพื้นฐานเช่น การตรวจอัลตราซาวด์และการตรวจเอกซเรย์ก็อาจจะตรวจพบความผิดปกติในระยะนี้ได้ค่อนข้างยาก
มะเร็งรู้เร็ว รักษาไว ลดความสูญเสีย และเพิ่มโอกาสในการรักษาหาย
มะเร็งเป็นโรคที่โดยส่วนใหญ่จะไม่แสดงอาการในระยะแรก ทำให้เราประมาทและเกิดความชะล่าใจ จนขาดการดูแลตนเองที่ดี กว่าจะรู้ตัวว่าป่วยด้วยโรคมะเร็งก็อาจจะอยู่ในระยะที่ยากต่อการหยุดยั้งและเสี่ยงต่อการสูญเสีย ฉะนั้นการที่เราสามารถทราบถึงแนวโน้มของการเกิดโรคมะเร็งได้ล่วงหน้า จึงเป็นอีกหนึ่งการวางแผนที่ดี เพราะมีการศึกษาวิจัยจาก SEER ( Surveillance Epidemiology and End Results ) ซึ่งเป็นการศึกษาที่ประเทศสหรัฐอเมริกา กล่าวว่า โรคมะเร็งหากตรวจพบได้ตั้งแต่ระยะแรกอัตราการรอดชีวิตก็จะสูง โดยเป็นการศึกษาวิจัยโรคมะเร็งในรูปแบบต่าง ๆ ตั้งแต่มะเร็งในระยะที่ยังไม่มีการลุกลาม และมะเร็งที่มีการลุกลามไปแล้ว (Metastatic Cancer) จะพบว่าหากตรวจพบในระยะเริ่มต้นอัตราการรอดชีวิตใน 5 ปี อัตราการรอดชีวิตจะสูงถึง 90 % แต่หากตรวจพบในช่วงที่เป็นมะเร็งระยะลุกลามอัตราการรอดชีวิตก็จะเหลือเพียง 20 % เพียงเท่านั้น ขณะเดียวกันหากเป็นมะเร็งตับอ่อน มะเร็งปอด อัตราการรอดชีวิตก็จะยิ่งต่ำลงไปอีก
การตรวจคัดกรองโรคมะเร็งในปัจจุบัน
คนไข้มะเร็งโดยส่วนใหญ่มักจะทราบว่าตนเองป่วยด้วยโรคมะเร็งก็เมื่ออยู่ในระยะที่ 1 หรือ 2 และก็เป็นที่น่าเสียดายว่ามีอีกหลายคนที่ตรวจพบในระยะท้าย ทั้งที่ความเป็นจริงแล้วเราสามารถทราบแนวโน้มของการเกิดความเสี่ยงได้ล่วงหน้า ซึ่งในปัจจุบันนี้ก็ได้มีการศึกษากันมากมายหลายวิธี ทั้งการตรวจยีน การตรวจเมตาบอลิซึม การตรวจทางภูมิต้านทานต่าง ๆ การตรวจเซลล์ต้นกำเนิดของมะเร็งในกระแสเลือด เพื่อที่จะได้นำเอาข้อมูลเหล่านี้มาตรวจจับและคัดกรองการเกิดมะเร็งระยะเริ่มต้นได้
ไขความลับโรคมะเร็งที่ซ่อนอยู่ในร่างกายคุณ ด้วยการตรวจคัดกรองมะเร็งที่มีประสิทธิภาพ Cancer Screening Test( EDIM TEST )
ด้วยความก้าวหน้าอีกหนึ่งระดับของเทคโนโลยี ก็พบว่ามีการตรวจคัดกรองความเสี่ยงของโรคมะเร็งที่น่าสนใจอีกหนึ่งชนิด ซึ่งเรียกว่า การตรวจ Cancer Screening Test (EDIM TEST) ซึ่งเป็นการตรวจที่ลงลึกไปถึงกลไกทางระบบการเผาผลาญของเซลล์มะเร็งร่วมกับภูมิต้านทานที่มีความจำเพาะกับมะเร็ง ที่เป็นการตรวจคัดกรองมะเร็งที่ครอบคลุมโรคมะเร็งได้เกือบทุกชนิด ด้วยวิธีการตรวจง่าย ๆ ไม่ยุ่งยาก ไม่ต้องเจาะเนื้อเยื่อ ไม่ต้องตัดชิ้นเนื้อ ใช้เพียงตัวอย่างเลือด นับว่าเป็นเทคนิคในการตรวจคัดกรองโรคมะเร็งลำดับต้น ๆ ที่ใช้เพียงการเจาะเลือดก็สามารถตรวจคัดกรอง Solid Tumor หรือเนื้องอกได้ตั้งแต่ในระยะเริ่มแรก หรือตั้งแต่ยังไม่ลุกลามไปเป็นเนื้อร้ายหรือเซลล์มะเร็ง โดยจะอาศัยระบบภูมิคุ้มกันและของร่างกายในการระบุความผิดปกติ
โดยหลักการคือ เมื่อมะเร็งมีการเจริญเติบโต หรือมีการแบ่งตัวเป็นจำนวนมาก เส้นเลือดจะไปเลี้ยงอวัยวะไม่ทัน ทำให้เซลล์ที่มีการงอกออกไปนั้นอยู่ในสภาวะที่ขาดออกซิเจน เพราะออกซิเจนไปไม่ถึง เซลล์มะเร็งก็จะมีการเปลี่ยนแปลงและทำการเผาผลาญตนเองโดยการกินน้ำตาลในปริมาณมากขึ้น
เมื่อกินน้ำตาลมากขึ้นผลจากกระบวนการกินน้ำตาลของเซลล์มะเร็งที่เรียกว่า Fermentation หรือกระบวนการหมักของเซลล์มะเร็ง จะทำให้เกิดกรด Lactic หรือ Lactate เกิดขึ้น ซึ่งในขั้นตอนนี้ก็จะทำให้นักวิจัยสามารถตรวจหาการแสดงออกของเอนไซม์ TKTL 1 พบ โดยการนำตัวอย่างเลือดของผู้เข้ารับการตรวจไปตรวจ ด้วยกระบวนการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อตรวจหาความเปลี่ยนแปลงของโปรตีนภายในเซลล์เม็ดเลือดขาว TKTL 1 และหากพบว่าในร่างกายมีระดับ TKTL 1 เพิ่มขึ้น ก็เป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่าในร่างกายนั้นอาจจะมีเซลล์ที่มีระบบการเผาผลาญที่ผิดปกติแบบเซลล์มะเร็งซ่อนอยู่ก็ได้
และในอีกหนึ่งมุมมองของกลไกการตรวจนี้ ก็จะมองได้ว่าเซลล์มะเร็งมีพฤติกรรมแบบเซลล์ที่ไม่ยอมฝ่อสลายตามธรรมชาติ หรือที่เรียกว่า Apoptosis ซึ่งในกลไก Apoptosis จะถูกควบคุมโดยเอนไซม์ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการดังกล่าวอยู่ โดยหากตรวจวัดระดับ Antibody ได้ ก็จะเป็นตัวบอกว่า ผู้ที่มี Antibody ในร่างกายสูง ก็อาจจะมีเซลล์ผิดปกติซุกซ่อนอยู่
จึงมีการศึกษาต่อว่า หากการนำเอาผลเอาการตรวจวัดระบบการเผาผลาญของเซลล์มะเร็งที่กินน้ำตาลเก่ง TKTL1 มาอ่านผลร่วมกับเซลล์ที่มีความผิดปกติและผลพบว่า ระดับ Antibody สูง ก็อาจจะเป็นตัวชี้วัดในร่างกายได้ว่าเมื่อใดก็ตามที่ระดับการตอบสนองของ 2 ตัวนี้สูงขึ้นผิดปกติ ก็จะสอดคล้องต่อการเกิดมะเร็งในร่างกายนั่นเอง และความน่าสนใจในเรื่องนี้ก็คือ ค่าระดับตัวชี้วัดของการตรวจทั้ง 2 Marker นี้ สามารถเพิ่มขึ้นได้ตั้งแต่มะเร็งก่อนเข้าสู่ระยะที่ 1 นั่นเองครับ
นอกจากนี้ก็ยังมีการศึกษาเปรียบเทียบด้วยว่า ถ้าเปรียบเทียบความไว ความแม่นยำในการตรวจสอบมะเร็ง กับค่าบ่งชี้มะเร็ง Tumor Marker ที่ใช้กันอยู่ในปัจจุบัน ไม่ว่าจะเป็นค่า CEA , CA19-9 , AFP ซึ่งเป็นการตรวจมาตรฐานของค่าบ่งชี้มะเร็ง ก็พบว่า การตรวจค่าของ TKTL1 กับ Antibody ที่อยู่ใน RV Cancer Test นี้จะมีความไวและความแม่นยำสูงกว่า การมองที่ Tumor Marker เพียงอย่างเดียว ซึ่งเป็นการตีพิมพ์ออกมาในวารสารทางการแพทย์ตามภาพประกอบ
ดังนั้นในเชิงปฏิบัติก็เป็นไปได้ว่าหากนำเอาเทคโนโลยีของการตรวจชนิดนี้มาใช้ในชีวิตจริง แล้วค้นพบว่าผู้ที่ระบบของเซลล์เริ่มมีการเผาผลาญผิดปกติ มีการตอบสนองภูมิต้านทานที่ผิดปกติเกิดขึ้นแล้ว ก็อาจเป็นตัวชี้วัดว่าเซลล์ในร่างกายของคนนั้นอาจเริ่มเกิดความผิดปกติขึ้นแล้ว ทำให้มีการตรวจพบมะเร็งตั้งแต่ระยะเริ่มต้นได้ จึงนำมาสู่เรื่องอัตราการรอดชีวิตและก็คุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นได้
ทั้งนี้การนำเอาเทคนิคการตรวจด้วยวิธี Cancer Screening Test( EDIM TEST ) นี้ก็ยังมีประโยชน์ต่อเนื่องในระยะยาวอีกด้วย ไม่ว่าจะเป็นเมื่อผู้ป่วยโรคมะเร็งต้องเข้าสู่กระบวนการการรักษา ทำการผ่าตัดไปแล้ว ผ่านการรักษาด้วยเคมีบำบัดหรือรังสีบำบัดไปแล้ว และมีการติดตามผล ก็สามารถนำเอาการตรวจนี้ไปใช้ควบคู่กับการตรวจโดยการเจาะเลือดดูค่าบ่งชี้มะเร็งมาตรฐาน คู่กับการตรวจ CT Scan และการทำอัลตราซาวด์ได้อีกด้วย โดยหากเรานำเราเอาแนวคิดของการตรวจ นี้มาใช้ร่วมกันก็อาจจะได้ประโยชน์มากขึ้นเพราะจะทำให้แพทย์ตรวจพบการกลับมาเป็นซ้ำของเซลล์มะเร็งได้ไวขึ้นด้วย
จากข้อมูลทั้งหมดที่กล่าวมา แสดงให้เห็นว่า Cancer Screening Test( EDIM TEST ) นั้นเป็นทางเลือกที่น่าสนใจเป็นอย่างมากในการตรวจคัดกรองหาความเสี่ยงของโรคมะเร็งเพราะนอกจากจะปลอดภัย แม่นยำ แล้วยังช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาได้อีกด้วย เพราะเมื่อตรวจพบไวโอกาสในการรักษาก็เร็วขึ้น และที่สำคัญแม้เราจะกล่าวว่า มะเร็งรักษาหายได้ในระยะแรก แต่จะดีกว่าถ้าเราไม่เข้าสู่มะเร็งระยะที่ 1 ด้วยการตรวจคัดกรองความเสี่ยงและกำจัดมะเร็งก่อนที่มันจะทันได้ก่อตัวในร่างกายของเรา
เข้าสู่ระบบ
Create New Account