Doctor Detail

นพ.ฉัตรชัย ศรีบัณฑิต  คือหนึ่งในแพทย์ผู้มีประสบการณ์การแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย ระดับแถวหน้าของเมืองไทย  เป็นอาจารย์สอนแพทย์ ด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ด้านเวชศาสตร์ชะลอวัย ที่ทุ่มเทชีวิตเพื่อศาสตร์การรักษาแบบบูรณาการ ผู้มีหัวใจเพื่อการเรียนรู้ มุ่งหวังให้เพื่อนมนุษย์ได้มีโอกาสรับการรักษาโรคโดยแก้ไขถึงต้นตอของโรคอย่างแท้จริง คุณหมอจึงศึกษาฝึกฝนศาสตร์การรักษาต่าง ๆ อย่างเจาะลึกจากสถาบันต่างๆ Diplomate, American Board of Anti-aging and Regenerative Medicine. Diplomate, Family Medicine, The Royal Collage of Family Physicians. Certificate in Organotherapy and Autohaemotherapy. Certificate in Accupuncture and TCM, Shanghai University Certified Chelation Therapy (CCT), American College for Advancement in Medicine. Certified Mesotherapy Pain Management, Fellowship Integrative Oncology, Fellowship Functional Medicine.

ยิ่งศึกษา ยิ่งเข้าใจ ยิ่งต้องหาสิ่งที่ใช่ ที่แท้จริง

หากย้อนถามถึงแรงบันดาลใจในการเลือกสู่เส้นทาง “การแพทย์แบบบูรณาการ” คุณหมอเคยกล่าวไว้ว่า แพทย์ทุกคนเรียนอย่างหนัก ศึกษาเจาะลึก เพื่อเอาชนะความป่วยไข้  ยิ่งเจาะลึกมากขึ้น ยิ่งลงรายละเอียดแบบแยกส่วน ถ้าเว้นจากโรคที่ผ่าตัดร้กษาได้แล้ว แนวทางการรักษาเกือบทั้งหมด ใช้ยานำหน้าซึ่งออกแบบมาเพื่อบรรเทาอาการและประคับประคองเท่านั้น ยาเบาหวานไม่ได้มีไว้แก้โรคเบาหวาน แต่ไว้ลดน้ำตาลในเลือดชั่วคราว ยาข้อเสื่อม ไม่ได้มีไว้แก้ข้อเสื่อมแต่ไว้ลดปวดลดอักเสบชั่วคราว ยาความดันไม่ได้มีไว้แก้โรคความดัน แต่มีไว้ขยายหลอดเลือดชั่วครั้งชั่วคราว เพื่อไม่ให้ความดันสูงจนเกิดอันตรายอย่างอื่นตามมา เป็นต้น ยิ่งเข้าใจอย่างลงลึกทำให้เห็นว่าสิ่งที่ทำส่วนใหญ่ไม่ใช่การรักษาเพื่อแก้ไขสาเหตุ นอกจากนี้ใช้ยาไปนาน ๆ ยังเกิดผลข้างเคียงสะสมเรื้อรัง เป็นต้นเหตุของโรคไตวาย สมองเสื่อม ฯลฯ ตามมา  

ทุกสิ่งมีคุณค่าเฉพาะตัวเสมอ

การแพทย์แผนปัจจุบันแม้มีข้อจำกัดในการรักษาหลายประการ แต่มีจุดเด่นมาก ดังเช่นการรักษาโรคฉุกเฉิน อาทิ ไส้ติ่งแตก หัวใจหยุดเต้นกะทันหัน อุบัติเหตุ โรคฉุกเฉินต่างๆ ล้วนต้องพึ่งพาการแพทย์แผนปัจจุบัน หรือโรคบางอย่างหากไม่ได้รับยาก็อาจเสียชีวิต ในขณะเดียวกันก็ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้ และต้องพึ่งยาไปตลอด โดยเฉพาะกลุ่มโรคเรื้อรังที่ไม่ติดต่อ (NCDs) ซึ่งมียาเคมีเป็นหัวใจหลักในการรักษา ซึ่งในแต่ละปีมีคนจำนวนมากต้องเสียชีวิตเพราะผลข้างเคียงจากยา ที่อาจจะมีมากกว่าการเสียชีวิตเพราะโรค ดังเช่นในประเทศสหรัฐอเมริกา เป็นต้น

อย่างไรก็ตามด้วยคุณหมอเป็นแพทย์แผนปัจจุบันเข้าใจการรักษาเป็นอย่างดี จึงไม่ต่อต้านการรักษาด้วยยา เพียงแต่ “ยา” ไม่ใช่การรักษาที่ยั่งยืน (Unsustainable) และไม่ส่งเสริมให้ร่างกายรักษาตัวเอง เพราะร่างกายมนุษย์มีระบบการซ่อมแซม เยียวยาตัวเอง เป็นความมหัศจรรย์ของชีวิตเลยทีเดียว แต่การรักษาแผนปัจจุบันไม่ตอบโจทย์ในส่วนนี้

มุ่งหาการรักษาที่ใช่...เพื่อเพื่อนมุษย์  ชีวิตจึงไม่ติดกรอบ พร้อมเรียนรู้และศึกษาด้วยความเคารพ

การศึกษาทางการแพทย์สำหรับคุณหมอ เรียกได้ว่า ศาสตร์ใดมีประโยชน์พร้อมที่เรียนรู้และลงลึกอย่างถ่องแท้ สิ่งที่ทำให้คุณหมอมีใจเปิดกว้างในการเรียนรู้ เพราะตลอดมาเน้นทำประโยชน์เพื่อส่วนรวมเป็นหลัก การศึกษาเพื่อหาสิ่งที่เป็นประโยชน์ตอบโจทย์การแก้ไขที่เป็นสาเหตุของโรคก็เช่นกัน คิดถึงประโยชน์เพื่อเพื่อนมนุษย์ จึงเป็นบุคคลไร้กรอบพร้อมเรียนรู้ได้ทุกศาสตร์ แม้ไม่เชื่อก็พร้อมเรียนรู้เพื่อให้ทราบข้อเท็จจริง

เหนือสิ่งอื่นใดคุณหมอยึดถือ คือ ต้องเรียนรู้ให้ถึงแก่นด้วยความเคารพเสมอ ไม่ทำตัวเป็นน้ำเต็มแก้ว เพื่อให้ได้ความรู้อย่างแท้จริง คุณหมอจึงมีความรู้ศาสตร์ต่าง ๆ อาทิ การแพทย์ตะวันออก แพทย์แผนจีน การฝังเข็ม Cell Therapy การใช้เซลล์รักษาเซลล์ พิษวิทยาทางคลินิกและการล้างสารพิษ การฟื้นฟูข้อต่อและเส้นเอ็นด้วย Prolotherapy รวมถึงศาสตร์การเยียวยาตนเอง (Homeopathy) และเวชศาสตร์ชะลอวัยฟื้นฟูสุขภาพที่เน้นการดูแลฮอร์โมน สมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ การสร้างพลังงานของเซลล์ในร่างกาย การใช้วิตามิน แร่ธาตุ และสารสกัดจากธรรมชาติ เพื่อดูแลรักษาสุขภาพ เป็นต้น

เพราะเข้าใจความหมายของการเป็นแพทย์

คุณหมอเปรียบการแพทย์เหมือนสเปกตรัม เมื่อมีแสงแดดส่องและเรามีปริซึมจะสามารถมองเห็นสีรุ้งที่หลากหลาย เช่นเดียวกับสเปกตรัมของการแพทย์ในแต่ละศาสตร์ ย่อมมีจุดเด่นของตัวเอง ไม่ว่าศาสตร์การรักษาใดก็ไม่ควรประเมินค่าว่าการแพทย์แขนงอื่นๆไม่ดี คุณหมอจึงใช้เวลาศึกษาเพื่อรวบรวมองค์ความรู้การรักษาแนวต่างๆ มายาวนานกว่า 3 ทศวรรษ

สู่โลกแห่งการแพทย์บูรณาการ

ศาสตร์ที่คุณหมอศึกษาและสามารถเข้าใจอย่างชัดเจน เพราะฝึกฝน นำมาใช้ในการรักษาจากดูแลตัวเอง ครอบครัว คนรอบข้าง ผู้ป่วยทั่วไป และต่อยอดจนกระทั่งมีแพทย์ให้ความสนใจ จึงเป็นที่มาของ “การแพทย์บูรณาการแอ็บโซลูท เฮลธ์” ซึ่งมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง โดยยึดหลักการแพทย์บูรณาการเป็นแนวทาง มุ่งเน้นการป้องกันโรค การเปลี่ยนแปลงวิถีชีวิต การเยียวยาที่ต้นเหตุ การแก้ไขพื้นฐานระดับเซลล์ ระดับกลไกการทำงานของร่างกาย เช่น การสร้างพลังงานของเซลล์  การขับสารพิษออกจากร่างกาย เพื่อให้ระบบของร่างกายเกิดการเยียวยาตนเอง รวมถึงพัฒนาการด้านจิตใจ

คุณหมอนำศาสตร์การรักษาที่เป็นประโยชน์จากทั่วทุกมุมโลกเข้ามาใช้กับคนไข้ หลายครั้งผู้ที่ไม่รู้จักวิธีการรักษาที่คุณหมอเลือกใช้ มองว่าเป็นการรักษาที่แปลก แต่แท้จริงแล้วทุกๆ ศาสตร์การรักษาที่ใช้ มีอยู่จริงบนโลก และเป็นการรักษาที่ได้ผล มีแพทย์ที่อื่นๆ ใช้กันอยู่ และยังเน้นการรักษาแบบเฉพาะบุคคล (Personalize Medicine) ด้วยการดึงศาสตร์ที่เหมาะกับแต่ละบุคคลมาผสมผสานในการรักษาเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด

เป้าหมายที่ชัดเจน ส่งเสริมเพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืน

แพทย์ภายในศูนย์ฯ ทุกคน มีความรู้ความสามารถในการรักษาแบบองค์รวม และมีความรู้ที่เจาะลึกในแต่ละด้านควบคู่กัน และไม่เพียงความรู้ของแพทย์แต่ละท่าน คุณหมอยังถ่ายทอดความรู้ให้อย่างละเอียดอยู่เสมอ ทั้งสนับสนุนให้ศึกษาเพิ่มเติมทั้งในประเทศและต่างประเทศกับศาสตร์ด้านต่างๆ รวมถึงบุคลากรทางการแพทย์และเจ้าหน้าที่ต่างได้รับการอัพเดทเทรนด์ความรู้เป็นประจำ เพื่อพร้อมให้ข้อมูลกับผู้รับบริการอย่างถูกต้อง

ทุกคนล้วนมีเป้าหมายเดียวกัน คือ มุ่งหวังเอาชนะโรคภัยไข้เจ็บ พร้อมเป็นที่ปรึกษาด้านสุขภาพให้ทุกคน และมีทางเลือกในการรักษาที่ดีให้คนไข้เสมอ เหมือนเช่น เบาหวาน ที่คนทั่วไปได้รับข้อมูลว่ารักษาไม่ได้ แต่มีวิธีที่สามารถรักษาให้หายได้ โดยเฉพาะผู้ที่เพิ่งเริ่มป่วยและมุ่งมั่นที่จะรักษา

แพทย์ทุกคนย่อมมีความประทับใจในการรักษากับคนไข้แต่ละเคสในมุมที่แตกต่างกัน คุณหมอก็เช่นเดียวกันเมื่อมีคนถามถึงเคสประทับใจ คุณหมอได้เล่าว่า “เป็นเหตุการณ์ที่ผู้ป่วยท่านหนึ่ง เป็นโรค SLE และได้รับการรักษาด้วยการฉีดยากดภูมิต้านทานส่งผลให้ปอดติดเชื้อ ปอดขาวเป็นฝ้าทั้ง 2 ข้าง ม่านตาไม่ตอบสนอง คลื่นสมองเริ่มนิ่ง มีภาวะไตวาย สุดท้ายโรครุนแรงเกินรักษา แพทย์ระบุว่ามีชีวิตได้ด้วยเครื่องช่วยหายใจ ถ้าถอดก็เสียชีวิต  แพทย์ท่านหนึ่งซึ่งรู้จักกับบิดามารดาของผู้ป่วยเป็นอย่างดี รู้จักกับหมอจากการปฏิบัติธรรมได้ขอให้ช่วยรักษา ปรากฏว่ายาที่ส่งไปฉีดเข็มที่ 1 ช่วยให้ปอดเริ่มฟื้นตัว เข็มที่ 2 ปอดฟื้นคืนกลับมาดีทั้ง 2 ข้าง ไตทำงาน ออกซิเจนดีขึ้น หลังจากรักษาต่อเนื่อง ในที่สุดคนไข้ฟื้นตัว สมองกลับมาเป็นปกติ แต่ยังต้องนั่งรถเข็น หลังจากนั้นจึงเข้ามารักษาที่แอ็บโซลูท เฮลธ์ต่ออีก 8 เดือน และสามารถเดินได้ วิ่งได้ ใช้ชีวิตได้อย่างเป็นปกติ

ครั้งนั้นคืออีกหนึ่งความสุขที่ได้ช่วยรักษาโรคให้คนไข้หาย เสมือนชีวิตเกือบก้าวสู่ความตายแต่กลับฟื้นคืน จึงเป็นความอิ่มเอมใจ คุณหมอบอกเสมอว่า ไม่ได้เกิดจากหมอเก่ง แต่ทุกอย่างมีจังหวะ มีรายละเอียดที่ซับซ้อน และด้วยคุณหมอศึกษาธรรมะ ฝึกสมาธิ เชื่อในบุญกรรมของแต่ละบุคคล และความปรารถนาดีที่คุณหมอมุ่งหวังให้เกิดกับคนไข้ทุกๆ คน จึงบอกคนไข้เสมอในการรักษาให้ดูแลทั้งกายและใจควบคู่กัน

การพัฒนาที่ไม่สิ้นสุด เพราะการรักษาคือความสุข

ทุกวันนี้คุณหมอยังเรียนรู้ศาสตร์การรักษาอย่างไม่หยุดยั้ง แม้คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อมั่นในความเชี่ยวชาญของคุณหมอและแอ็บโซลูท เฮลธ์ ที่เป็นคำตอบ สำหรับอาการเจ็บป่วยที่อธิบายไม่ได้ และโรคบางโรคที่รักษายาก เพราะคุณหมอเข้าใจความเป็นจริงของชีวิต เชื่อว่าตราบใดที่โลกหมุนย่อมมีสารพิษใหม่ ๆ เกิดขึ้น เช่นเดียวกับปัญหาสุขภาพของคนเราที่เป็นไปตามยุคสมัยด้วยเช่นกัน

ในฐานะที่คุณหมอเป็นทั้งแพทย์และครูที่คอยถ่ายทอดความรู้ให้กับศิษย์ในเรื่องการรักษาโรคในศาสตร์แพทย์ผสมผสานแขนงต่าง ๆ กับแพทย์จำนวนมาก จึงย้ำเสมอว่า แพทย์ต้องทำตามคำสัญญาที่ให้ไว้กับบิดาการแพทย์ นั่นก็คือประการแรกจะต้องไม่กระทำให้เกิดอันตรายแก่ผู้ป่วย (First Do No Harm) มีใจที่เปิดกว้าง เข้าใจถึงศาสตร์อื่น ๆ เพื่อเป็นความรู้ เพื่อเข้าใจ และอาจช่วยเป็นทางเลือกให้คนไข้ได้

สำหรับผู้ป่วยขอให้ตระหนักว่า โรคมาจาก 2 ส่วนหลัก คือปัญหาทางกายและจิตใจ ซึ่งปัญหาทางใจอาจจะมีมากกว่า และแสดงออกผ่านร่างกาย ยามที่ป่วยต้องพึ่งพาตนเองเป็นหลัก ไม่ใช่พึ่งแพทย์อย่างเดียว และต้องเลือกแนวทางการรักษาเยียวยาที่สามารถแก้ไขได้ถึงต้นตอของปัญหา เนื่องจากเหตุโรคส่วนใหญ่เกิดจาก (๑) พฤติกรรมการใช้ชีวิต (๒) การสะสมสารพิษในร่างกาย และ (๓) ความเครียดตลอดจนปัญหาทางจิตใจ ดังนั้นการออกแบบการฟื้นฟูเยียวยาตัวเองต้องครบถ้วนในแต่ละมิติ ทั้งการล้างสารพิษ การฟื้นฟูเซลล์ ดูแลจิตใจ และการปรับการใช้ชีวิตให้ไปสู่วิถีของการมีสุขภาพที่ดีอย่างแท้จริง จึงจะสามารถผ่านวิกฤตปัญหาสุขภาพไปได้อย่างยั่งยืน