เวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ (Anti-Aging Medicine) สาขาใหม่ทางการแพทย์ที่มุ่งเน้นการป้องกันให้มีสุขภาพร่างกายที่ดีแข็งแรง ฟื้นฟูภาวะเสื่อมตามวัย เพื่อไม่ให้ร่างกาย “แก่” ไปตามอายุจริง ทั้งสภาพร่างกายภายนอกและสุขภาพภายใน
การชะลอวัยที่ทำได้จริง
บทบาทเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพ สามารถช่วยชะลอวัยเสริมสร้างสุขภาพที่สมบูรณ์ให้ดูหนุ่ม สาว กว่าอายุจริงทั้งภายในและภายนอก เพราะคำว่า “แก่” ที่กล่าวถึงในความหมายของเวชศาสตร์ชะลอวัยและฟื้นฟูสุขภาพนั้น มิได้หมายถึงเฉพาะการมีริ้วรอยเหี่ยวย่นของผิวหนัง แต่หมายถึงความแก่ของอวัยวะต่างๆในร่างกาย ทุกการรักษาจึงเน้นดูแลอวัยวะและระบบในร่างกายให้แข็งแรง ป้องกันหลีกเลี่ยงโรคที่อาจเกิดขึ้นตามวัย ตามความเสื่อมของอวัยวะและร่างกาย หรือความเสี่ยงจากการใช้ชีวิต ควบคู่กับการมีคุณภาพชีวิตที่ดีแบบยั่งยืน
เริ่มต้นดูแลสุขภาพในสไตล์ Anti-Aging
ผู้ที่มารับคำปรึกษากับแพทย์ด้าน Anti-Aging นอกจากมาดูแลสุขภาพเพื่อป้องกันให้ห่างไกลจากโรคแล้ว ยังมาด้วยเหตุผลหลัก คือ มีปัญหาสุขภาพแต่ยังไม่ถึงขั้นป่วยเป็นโรค หาคำตอบของปัญหาไม่ได้ อาจจะมีอาการอ่อนเพลีย เหนื่อย ไม่สดชื่น ไม่มีแรงในการทำงาน พบบ่อยในคนวัยทำงาน ซึ่งมักมีที่มาจากภาวะต่อมหมวกไตล้า รวมถึงบางคนมารับการดูแลรักษา เพราะได้รับคำแนะนำจากคนใกล้ชิดเพื่อให้มีสุขภาพที่ดี การดูแลรักษาของแพทย์จะเน้นให้เวลาเพื่อพูดคุยในทุกๆ เรื่องของชีวิต ทั้งการทำงาน ครอบครัว การรับประทานอาหาร การนอน การออกกำลังกาย แนวคิดในแง่มุมต่างๆ เพื่อค้นหาที่มาของปัญหาและความเสี่ยงต่างๆ ที่เป็นผลสียกับสุขภาพ ซึ่งเป็นไฮไลท์หลักของการดูแลแบบ Anti-Aging เมื่อทราบข้อมูลในเชิงลึกของพฤติกรรมการใช้ชีวิต แพทย์จะเจาะลึกลงไปอีกระดับด้วยการตรวจเลือดเพื่อดู ระดับวิตามิน แร่ธาตุ ระดับฮอร์โมน และส่วนอื่นๆ ที่จำเป็นในแต่ละบุคคล สำหรับวิตามิน แร่ธาตุ หรือฮอร์โมนที่ขาดหรือพร่องไปนั้น ทางคลินิกจะจัดทำขึ้นแบบเฉพาะบุคคล ซึ่งรูปแบบจะแตกต่างกัน เช่น ชนิดรับประทาน หรือชนิดทา เมื่อได้รับการเสริมในสิ่งที่ขาดอย่างถูกต้องและเหมาะสม สุขภาพที่ดีย่อมอยู่ไม่ไกลเกินเอื้อม
นอกจากนี้การตรวจด้วย Bio Energetic Scan เพื่อตรวจหาค่าระดับพลังงานของเซลล์ในร่างกาย เพื่อประเมินภาวะสมดุลทางพลังงาน ภาวะขาดสารอาหาร การทำงานของต่อมหมวกไต พลังงานจิตใจ ระดับน้ำและออกซิเจน รวมถึงความเสื่อมของอวัยวะต่างๆ เป็นอีกตัวช่วยที่สำคัญในการดูแลสุขภาพแบบ Anti-Aging เพราะหากเราตรวจพบค่าพลังงานบกพร่อง นอกจากการรักษาด้วยการเสริมวิตามิน แร่ธาตุ และฮอร์โมนตามปกติ ยังเป็นแนวทางให้แพทย์สามารถเลือกวิธีการรักษาที่ตรงจุดมากยิ่งขึ้น ดังเช่นการ รักษาด้วย CPT/FCT เป็นต้น
ดูแลสุขภาพภายนอก ควบคู่กับสุขภาพภายใน ผู้รับบริการเกือบทุกคนที่มาพบแพทย์ย่อมต้องการมีสุขภาพภายในที่ดี พร้อมกับการมีสุขภาพภายนอกที่ดูดี อ่อนเยาว์ ดังนั้นแพทย์จึงพร้อมที่จะให้การดูแลสุขภาพตามความต้องการของแต่ละบุคคล สำหรับผู้ที่ต้องการเน้นดูแลผิวพรรณร่วมด้วย นอกจากการให้วิตามินแบบเฉพาะบุคคล ยังสามารถเสริมด้วยการให้วิตามินทางสารน้ำและดูแลรักษาผิวภายนอก ซึ่งสามารถทำได้หลายส่วน เช่น การทำเลเซอร์ การทำ HIFU (High Intensity Focusing Ultrasound) เพื่อกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน อีลาสติน ช่วยยกกระชับผิว และการฉีดไฟโบบลาสต์ (Fibroblast) เพื่อกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนและอีลาสติน เมื่อโปรตีนทั้ง 2 ชนิดถูกสร้างขึ้นเหมือนเมื่อครั้งที่ยังอายุยังน้อย ผิวพรรณก็จะเต่งตึง อ่อนกว่าวัยโดยการเลือกวิธีในการรักษาจะพิจารณาตามปัญหาผิวและอายุของผู้รับบริการเป็นหลัก
สิ่งสำคัญในการดูแลรักษาแบบ Anti-Aging
การดูแลรักษาจากแพทย์ไม่ว่าจะเป็นการเสริมวิตามิน ฮอร์โมน หรืออาหารเสริม เป็นเพียงส่วนประกอบเพื่อดูแลสุขภาพในช่วงเวลาหนึ่งเท่านั้น เพราะการจะดูแลรักษาสุขภาพจะไม่สมบูรณ์ ถ้าไม่ปรับพฤติกรรมการใช้ชีวิตร่วมด้วย เช่น จากปกตินอนดึกต้องปรับให้นอนเร็วขึ้น เคยสูบบุหรี่ ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ก็ต้องเลิกหรือปรับลดปริมาณจนสามารถเลิกได้ในที่สุด เรียกว่าต้องปรับการใช้ชีวิตใหม่ เลือกปฏิบัติเฉพาะสิ่งที่ดีมีประโยชน์
หลีกเลี่ยงสิ่งที่เป็นผลเสียกับสุขภาพในทุกๆด้าน โดยแพทย์จะเป็นเสมือนโค้ชที่คอยให้คำแนะนำในการปรับพฤติกรรมให้เป็นไปตามไลฟ์สไตล์ของแต่ละบุคคล เพื่อให้การดูแลสุขภาพแบบยั่งยืน
การมีสุขภาพที่ดี ไม่สามารถเกิดขึ้นได้ในระยะเวลาอันสั้น ต้องใส่ใจ และพร้อมปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ของการใช้ชีวิตอย่างจริงจัง สุขภาพที่ดี คุณภาพชีวิตที่ดีจึงจะเกิดขึ้นกับคุณแบบอย่างยั่งยืน
เข้าสู่ระบบ
Create New Account