หัวใจและ
หลอดเลือด

มะเร็ง

เบาหวาน

ภูมิแพ้

SLE

วัยทอง

อ่อนเพลียเรื้อรัง

กระดูกและ
ข้อเสื่อม

อาการปวดเรื้อรัง

กระดูกสันหลัง
และเส้นประสาท

อัลไซเมอร์

วิตามินส่วนบุคคล

โรคระบบทางเดินอาหาร

โรคพาร์กินสัน

โรคหลอดเลือดสมอง

โรคต่อมไทรอยด์

โรครูมาตอยด์

โรคไต

ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ

โรคตับ

 ผู้หญิงผู้ชายวัยทอง...วัยแห่งคุณภาพของชีวิต
วัยทอง คนทั่วไปอาจเข้าใจว่า หมายถึง “ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน” แต่จริงๆ แล้ว “ผู้ชาย”ก็ต้องก้าวสู่วัยทองเช่นเดียวกัน แล้ววัยทองเป็นเช่นไร อย่างไรจึงเรียกว่า “วัยทอง”

ผู้หญิงและผู้ชายจะเริ่มก้าวสู่วัยทองเมื่ออายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป สำหรับสตรีวัยทองเมื่อรังไข่หยุดทำงานจะส่งผลให้ไม่มีการตกไข่อีก ไม่มีประจำเดือน และไม่มีการสร้างฮอร์โมนเพศ ทำให้อวัยวะต่างๆที่มีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนเพศเสื่อมถอยลง ทำให้มีผลต่อการแสดงออกทั้งทางร่างกายและจิตใจ สำหรับผู้ชาย 40 ปีขึ้นไประดับฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนจะค่อยๆ ลดลงอย่างช้าๆ จนเข้าสู่ภาวะวัยทองเต็มที่ในผู้ชายประมาณช่วงอายุ 70 ปี โดยเฉลี่ย ซึ่งแตกต่างจากเพศหญิงที่อัตราการผลิตฮอร์โมนเพศหญิงจะเริ่มลดลงเมื่อายุ 40 ปีและลดลงอย่างรวดเร็วจนหยุดผลิตฮอร์โมนไปเลย เมื่ออายุย่างเข้า 45-50 ปี โดยเฉลี่ย

อาการเช่นไร คือ วัยทอง

สำหรับผู้หญิง เมื่อฮอร์โมนเสื่อมถอยจะมีผลต่อการแสดงออกทั้งทางร่างกายและจิตใจ มีอาการร้อนวูบวาบตามร่างกายเหงื่อออกตามมือและเท้าโดยเฉพาะเวลากลางคืน อ่อนเพลียง่าย ใจสั่น นอนไม่หลับ เบื่ออาหาร เต้านมหย่อนคล้อยผิวหนังแห้งและบางลง ความจำลดลง โดยเฉพาะความจำระยะสั้น ในบางคนอาจเกิดภาวะสมองเสื่อมหรืออัลไซเมอร์ได้ อีกทั้งยังส่งผลกระทบด้านจิตใจ ก่อให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว อารมณ์ฉุนเฉียว ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หวาดระแวง และไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้

สำหรับผู้ชาย อาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดในชายวัยทองอาจไม่ชัดเจนและรุนแรงเหมือนกับผู้หญิง อาการที่พบได้ เช่น เหงื่อออกมาก นอนไม่หลับ อ้วนลงพุง ซึมเศร้า ความสนใจทางเพศลดลง แต่ความกังวลหลักๆ ของผู้ชายเมื่อเข้าสู่วัยทองนั่นคือ ภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ หรือที่เรียกกันติดปากว่า นกเขาไม่ขัน ซึ่งกลายเป็นหนึ่งในปัญหาสุขภาพและมีผลกระทบต่อสภาพจิตใจ รวมถึงความมั่นใจในตัวเองที่ลดลง และสัมพันธภาพกับคู่แต่งงานในครอบครัว

วัยทอง ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวและน่ากังวลอีกต่อไป

แนวทางการรักษาโดยทั่วไป สำหรับผู้หญิงวัยทอง มักให้ฮอร์โมนสังเคราะห์ทดแทนเพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับมาเทียบเท่ากับตอนอายุ 25-35 ปี แต่ฮอร์โมนสังเคราะห์ ไม่ว่าจะเป็นเอสโตรเจนหรือโปรเจสเตอโรน ก็จะมีผลเสียและมีอันตรายตามมา และมีข้อกำหนดห้ามใช้เกิน 5 ปีเพราะมีแนวโน้มก่อเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ได้สูง

การรักษาด้วยแนวทางการแพทย์บูรณาการ ผู้หญิงวัยทอง เราฟื้นฟูด้วยการใช้ฮอร์โมนเลียนแบบธรรมชาติโดยอาศัยข้อมูลจากผลการวิเคราะห์ทางห้องปฏิบัติการและผลิตขึ้นมาเฉพาะรายบุคคล ลดผลข้างเคียงจากการใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์ ลดอาการวัยทองได้เทียบเท่าหรือดีกว่าฮอร์โมนสังเคราะห์ เนื่องจากแพทย์จะคำนวณโดสของฮอร์โมนตามความต้องการของร่างกายจริงๆ ร่วมกับการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการล้างสารพิษออกจากร่างกาย การเสริมสร้างภูมิต้านทาน การเสริมด้วยวิตามินแร่ธาตุที่จำเป็น ได้แก่ วิตามินบี CoQ10 กรดไลโปอิค แคลเซียม แมกนีเซียม น้ำมันปลาควบคู่กับกระบวนการใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ เช่น ใช้เซลล์สมอง เซลล์ต่อมใต้สมอง ซ่อมแซมและฟื้นฟูสมองช่วยให้ต่อมใต้สมองสามารถสร้างฮอร์โมนได้ตามธรรมชาติอีกครั้ง กระตุ้นรังไข่ให้สามารถทำงานและยืดอายุการผลิตฮอร์โมนเพศได้โดยไม่ก่อความเสี่ยง ซ่อมบำรุงอวัยวะฟื้นฟูเซลล์ที่สร้างฮอร์โมนให้ฟื้นคืนกลับมาอีกครั้ง ทำให้การทำงานของเซลล์กลับสู่ภาวะปกติมีผลทำให้อวัยวะนั้นทำงานได้ดีขึ้น ซึ่งจะช่วยยืดเวลาแห่งความเป็นหนุ่มเป็นสาว และเสริมสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีอย่างยั่งยืน

ผู้ชายวัยทอง วิธีรักษามีหลายรูปแบบ ตั้งแต่การใช้ฮอร์โมนเพศชายบำบัดมีทั้งรูปแบบครีมทา รับประทาน ยาอมใต้ลิ้นหรือยาฉีด กับการฟื้นฟูสภาพหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงอวัยวะเพศชาย ด้วยการล้างสารพิษโลหะหนัก ที่เรียกว่า วิธีคีเลชั่น ที่เราใช้รักษาผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยงโรคหลอดเลือดหัวใจตีบอันเนื่องมาจากการสะสมของสารพิษโลหะหนักและมีการตอบสนองต่อการรักษาที่ดี จึงนำมาประยุกต์ใช้ในการรักษาผู้ป่วยที่หย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งการทำคีเลชั่นจะไปช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด เมื่อการไหลเวียนเลือดดีขึ้นก็จะช่วยแก้ปัญหาภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศ ซึ่งพบว่ามีการตอบสนองที่ดีของสมรรถภาพทางเพศในช่วงระยะเวลา 3-6 เดือน หลังจากเริ่มรักษาด้วยวิธีคีเลชั่น รวมถึงวิธีการรักษาด้วยปัจจัยฟื้นฟูโดยใช้สารอาหารกลุ่มเปปไทด์ที่มีความจำเพาะต่ออวัยวะในการซ่อมแซมและฟื้นฟูเซลล์อัณฑะซึ่งเป็นที่ผลิตฮอร์โมนเพศชายที่มีการเสื่อมหรือหย่อนสมรรถภาพให้แบ่งตัวใหม่ทดแทนเซลล์เดิมซึ่งหมดอายุแล้ว

อย่างไรก็ตาม อาการวัยทองนั้นไม่สามารถทราบระยะเวลาการเป็นได้แน่ชัด ซึ่งหากมีอาการมากหรือยาวนานย่อมส่งผลต่อคุณภาพชีวิต ร่างกาย จิตใจ และความสัมพันธ์กับคนโดยรอบ ดังนั้นการพบแพทย์เพื่อตรวจระดับฮอร์โมนและรายละเอียดต่าง ๆ จึงมีความสำคัญ เช่นเดียวกับการดูแลตนเองในเบื้องต้นของผู้หญิงและผู้ชายวัยทองด้วยการพักผ่อนให้เพียงพออย่างน้อย 6-8 ชั่วโมง งดสูบบุหรี่และดื่มเหล้า รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ถูกสัดส่วน ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาลและไขมัน หลีกเลี่ยงความเครียด ออกกำลังกายเป็นประจำ

“วิถีของการดูแลแบบแพทย์บูรณาการจะทำให้ทั้งคุณผู้ชายและคุณผู้หญิงสามารถรับมือวัยทองได้อย่างมั่นใจทิ้งให้ความชราเป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น”