หากเป็นสมัยก่อน สิ่งที่คนเรามักจะทำก่อนนอนก็คือการดูโทรทัศน์ หรืออ่านหนังสือก่อนเข้านอน แต่สำหรับยุคนี้พฤติกรรมก่อนนอนนั้นเปลี่ยนไป ‘สมาร์ทโฟน’ หรือ มือถือ กลายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องจับก่อนเข้านอน บางคนถึงขั้นว่าหลับไปเลยก็มี และถึงแม้ว่าเราจะใช้มันเพื่อพักผ่อน แต่รู้หรือไม่ว่าการเล่นมือถือก่อนนอนนั้นจะ ชวนให้ป่วยไม่รู้ตัว เพราะ แสงสีฟ้า หรือ Blue Light จากหน้าจอมือถือของเรามีผลต่อการสร้างสารเมลาโทนิน ที่มีผลต่อการนอนหลับ การได้รับแสงสีฟ้ากลางคืนนานกว่า 2 ชั่วโมง จะทำให้นอนไม่หลับ เพราะสมองของเราเมื่อเห็นแสงก็จะจำว่าเป็นเวลากลางวัน ทำให้เราไม่ยอมหลับ เมื่อไม่หลับร่างกายพักผ่อนไม่เพียงพอ ย่อมส่งผลกระทบกับระบบต่างๆ ของร่างกาย และนำพามาซึ่งโรคต่าง ๆ
โรคอ้วน-เบาหวาน ระบบเผาผลาญของร่างกายจะทำงานได้ดี เมื่อร่างกายได้พักผ่อนเต็มที่ การนอนไม่พอจะทำให้ระบบเผาผลาญแย่ลง ไม่นับรวมถึงเมื่อนอนดึก ยิ่งเพิ่มโอกาสในการ กินจุบจิบตอนกลางคืน ทำให้อ้วนง่ายขึ้น
โรคความดันโลหิตสูง การนอนหลับไม่เพียงพอ มีผลต่อระบบความดันโลหิต และฮอร์โมนต่าง ๆ เมื่อความดันโลหิตสูงขึ้น เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
โรคกรดไหลย้อน เมื่อเรานอนระบบย่อยอาหารของเราก็จะได้พักผ่อน แต่หากเราไม่นอนใช้เวลาไปกับการเล่นมือถือ ระบบการย่อยของเราก็อาจจะแปรปรวนหรือทำงานผิดปกติ จึงส่งผลให้เกิดเป็นโรคกรดไหลย้อนตามมา
โรคความผิดปกติของจอประสาทตา แน่นอนว่า การเพ่งหน้าจอเป็นเวลานาน ย่อมส่งผลต่อเซลล์ประสาทตา บางคนเล่นมือถือในที่มืด ยิ่งทำให้จอประสาทตาเสื่อมเร็ว หากอาการสะสมจนเรื้อรัง อาจรุนแรงจนตาบอดได้
ไมเกรน หนึ่งในสาเหตุของไมเกรน มาจากการเล่นมือถือตอนกลางคืน เพราะแสงสีฟ้าจะกระตุ้นอาการไมเกรน ทำให้ปวดตา และปวดไมเกรนในที่สุด
ระบบความจำมีปัญหา เมื่อนอนน้อย การทำงานของสมองและระบบความจำ เป็นระบบที่ได้รับผลกระทบเป็นอันดับแรกๆ ทำให้เกิดอาการเบลอ รู้สึกรับรู้ได้ช้ากว่าปกติ
ยังมีอีกหลายโรคหรือความผิดปกติที่อาจเกิดขึ้นได้ หากเรายังคงมีพฤติกรรมการเล่นมือถือก่อนนอนอย่างต่อเนื่องและยาวนาน ฉะนั้นหากไม่อยากป่วยเรื้อรัง ควรเลี่ยงการเล่นมือถือ รวมถึงอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทุกอย่าง และสร้างบรรยากาศให้เหมาะสม เพื่อการนอนที่มีประสิทธิภาพ ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพของเรานั่นเองครับ
เข้าสู่ระบบ
Create New Account