ปัญหาวัยทอง รักษาและฟื้นฟูได้

โทรศัพท์ : 026515988
ปัญหาวัยทอง รักษาและฟื้นฟูได้
บทความโดย พญ.สุพจี ศรีเกษ แพทย์ผู้มีประสบการณ์ด้านการแพทย์บูรณาการและเวชศาสตร์ชะลอวัย
ปัญหาวัยทอง รักษาและฟื้นฟูได้

เมื่อพูดถึงคำว่า “วัยทอง” คนทั่วไปอาจจะเข้าใจว่า หมายถึง ผู้หญิงที่เข้าสู่วัยหมดประจำเดือน แต่ผู้ชายก็ต้องก้าวสู่วัยทองเช่นเดียวกัน เมื่อฮอร์โมนเพศชายหรือเทสโทสเทอโรนลดลง ซึ่งในทางการแพทย์เรียกผู้ชายวัยทองว่า “แอนโดรพอส” (Andropause)

สัญญาณเตือนภัยผู้ชายวัยทอง

ตามปกติชายวัย 40 ปีขึ้นไปจะมีระดับฮอร์โมนเพศชายเทสโทสเตอโรนลดลงประมาณปีละ 1 % โดยจะลดลงไปเรื่อยๆ แต่ไม่มีการหยุดทำงาน ซึ่งแตกต่างจากวัยทองในเพศหญิงที่รังไข่จะหยุดผลิตฮอร์โมนเพศหญิงโดยสิ้นเชิง ดังนั้นอาการผิดปกติต่างๆ ที่เกิดในชายวัยทองจึงไม่ชัดเจนและรุนแรงเหมือนกับสตรีวัยทอง และหากว่ามีการรักษาสุขภาพให้แข็งแรงอยู่เสมอ แม้จะย่างเข้าสู่วัย 80 ผู้ชายก็อาจจะยังมีฮอร์โมนเพศและมีสุขภาพที่ดีอยู่ได้ อย่างไรก็ดี สำหรับคุณผู้ชายที่ย่างเข้าสู่วัยทอง ซึ่งส่วนใหญ่อยู่ในช่วงอายุ 40-52 ปี ก็อาจจะมีสัญญาณเตือนภัยให้สังเกตกันดังต่อไปนี้

  • ด้านร่างกาย เช่น อ่อนเพลียง่าย ซึ่งมักจะเกิดขึ้นในช่วงเวลาเช้าและตอนกลางคืน กล้ามเนื้อที่เคยฟิตเริ่มลดขนาดลง อ้วนลงพุง และภาวะกระดูกพรุน

  • ด้านสติปัญญาและอารมณ์ เช่น มีอาการกระสับกระส่าย หงุดหงิดง่าย เฉื่อยชา ซึมเศร้า สมาธิลดลง ความจำระยะสั้นถดถอย

  • ด้านระบบไหลเวียนโลหิต อาจจะมีอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกมาก ชีพจรเต้นเร็ว

  • ด้านจิตใจและเพศสัมพันธ์ เช่น มีอาการนอนไม่หลับ ความสนใจทางเพศลดลง อวัยวะเพศไม่แข็งตัว และการหลั่งน้ำอสุจิลดลง ทั้งปริมาณและความถี่

ปัจจัยที่เป็นตัวเร่งสำหรับผู้ชายวัยทอง

นอกจากอายุ ซึ่งเป็นปัจจัยธรรมชาติที่ทำให้ฮอร์โมนเพศชายลดลงแล้ว ยังมีสภาวะบางอย่างที่เป็นตัวเร่งให้ผู้ชายเข้าสู่วัยทองเร็วกว่าปกติ ไม่ว่าจะเป็นการทำงานหนัก การพักผ่อนน้อย ความเครียด ความวิตกกังวล การดื่มแอลกอฮอล์ รวมถึงการสูบบุหรี่และโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิตสูง แต่ในอีกด้านหนึ่งการใช้ชีวิตที่ถูกต้องและการดูแลร่างกายที่ดีก็จะมีส่วนช่วยชะลอเวลา หรือชะลอปัญหาที่จะเกิดขึ้นจากภาวะผู้ชายวัยทองได้ ฉะนั้นจึงควรดำเนินชีวิตอย่างสมดุล ด้วยการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 6 - 8 ชั่วโมง รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ถูกต้องตามหลักโภชนาการ โดยควรลดอาหารประเภทไขมัน  และควรรับประทานพืชผักและผลไม้มากขึ้น โดยเฉพาะมะเขือเทศ เนื่องจากมีสารไลโคปีน ซึ่งสามารถต้านโรคมะเร็งต่อมลูกหมาก ที่สามารถเกิดขึ้นกับผู้ชายวัยทองโดยทั่วไปได้ นอกจากนี้ยังควรมองโลกในแง่ดี ลดความเครียด ออกกำลังกายสม่ำเสมอ แต่ต้องเลือกกิจกรรมที่เหมาะสมกับแต่ละบุคคล รวมถึงงดสูบบุหรี่และดื่มเหล้า


ปัญหาของสตรีวัยทอง  

สตรีวัยทองหรือสตรีวัยหมดประจำเดือน หมายถึงสตรีที่อยู่ในภาวะสิ้นสุดของการมีประจำเดือน เนื่องจากรังไข่หยุดทำงานจึงมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงทางร่างกายและจิตใจ โดยมีสาเหตุเนื่องมาจากฮอร์โมนเพศ คือ ฮอร์โมนเอสโตรเจน (Estrogen hormone) การเปลี่ยนแปลงนี้ไม่ใช่เกิดจากสาเหตุของการเป็นโรค แต่เป็นการหยุดของรอบเดือน การลดลงของฮอร์โมนเอสโตรเจน จะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงทั้งทางร่างกายและจิตใจ โดยปกติแล้วจะเริ่มมีการเปลี่ยนแปลงในช่วงอายุประมาณ 40 ปีขึ้นไป ในสตรีวัยทองเมื่อรังไข่หยุดทำงาน ผลก็จะไม่มีการตกไข่อีกต่อไป สิ่งที่ตามมาก็คือ จะไม่มีประจำเดือนและไม่มีการสร้างฮอร์โมนเพศ จึงทำให้อวัยวะต่างๆ ที่มีความสัมพันธ์กับระดับฮอร์โมนเพศเสื่อมถอยลง ทำให้มีผลต่อการแสดงออกทั้งทางกายและจิตใจแปรปรวนไปจากเดิมได้  ผลที่มีต่อระบบต่างๆ เช่น

ผลทางด้านร่างกาย

- จะทำให้ผนังบุโพรงมดลูกเจริญเติบโตได้ไม่ดี หรืออาจทำให้ประจำเดือนมามากผิดปกติ หรือขาดหายไปได้หลายๆ เดือน บางรายอาจมีอาการเลือดออกผิดปกติได้ พบว่าประมาณร้อยละ 50-70 ของวัยนี้ จะเกิดอาการร้อนวูบวาบ เหงื่อออกตอนกลางคืนหรือเวลาหลับ และส่วนใหญ่รู้สึกว่าอาการที่กล่าวนี้ค่อนข้างน่ารำคาญ เพราะทำให้ตกใจตื่น จึงทำให้นอนหลับได้ไม่เต็มที่ หลับไม่สนิท ส่งผลให้ปวดศีรษะตามมา

- ต่อมที่สร้างเมือกที่หล่อเลี้ยงช่องคลอดลดลง ทำให้ช่องคลอดรู้สึกแห้งและเจ็บในขณะมีเพศสัมพันธ์

- เกิดปัญหาการนอนไม่หลับ จนอาจทำให้เกิดภาวะความวิตกกังวล เครียด หงุดหงิดและอารมณ์แปรปรวน

- ก่อให้เกิดความเปลี่ยนแปลงของระดับไขมันในกระแสเลือด โดยมีการศึกษาพบว่าระดับของคอเลสเตอรอล  ไตรกลีเซอไรด์ และ LDL (low density lipoprotein) จะเพิ่มขึ้น ในขณะที่คอเลสเตอรอลดี (เป็นประโยชน์) ที่เรียกว่า HDL (high densitylipoprotein) ลดลง เหตุนี้เองจึงทำให้สตรีวัยทองมีอัตราเสี่ยงต่อการเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจอุดตันได้สูงกว่าปกติถึง 7 เท่า

- สตรีที่หมดประจำเดือนใหม่ๆ จะมีผลทำให้ความหนาแน่นของเนื้อกระดูกลดลงอย่างรวดเร็วในช่วง 5 ปีแรก ดังนั้นการขาดฮอร์โมนเอสโตรเจนจึงเป็นสาเหตุทำให้เกิดโรคกระดูกพรุน ซึ่งจะทำให้เกิดอาการกระดูกหักหรือกระดูกแตกได้ง่าย

ผลทางด้านจิตใจ

ก่อให้เกิดความวิตกกังวล ความกลัว หงุดหงิด อารมณ์ฉุนเฉียว ขาดความเชื่อมั่นในตนเอง หวาดระแวง และไม่สามารถปรับตัวเข้ากับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นได้

    แนวทางการรักษาและการแก้ไข  โดยทั่วไปมักให้ฮอร์โมนทดแทน เพื่อให้ระดับฮอร์โมนในร่างกายกลับมาเทียบเท่ากับตอนอายุ 25-35 ปี แต่การใช้ฮอร์โมนจากภายนอก ไม่ว่าเอสโตรเจน โปรเจสเตอโรน หรือฮอร์โมนหนุ่มสาวก็มีผลเสียและมีอันตรายตามมาเช่นกัน และก็มีข้อห้ามใช้เกิน 5 ปีกำกับอยู่ ด้วยพบว่าผู้ใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์เป็นประจำมีแนวโน้มก่อเกิดมะเร็งเต้านม มะเร็งปากมดลูก หรือมะเร็งลำไส้ได้สูง

    ทางการแพทย์บูรณาการ ใช้วิธีการฟื้นฟูด้วยวิธีการที่ปลอดภัย คือ การซ่อมบำรุงอวัยวะ ฟื้นฟูเซลล์ผู้สร้างฮอร์โมนให้ฟื้นคืนกลับมาสร้างฮอร์โมนได้ตามธรรมชาติอีก ทั้งการเสริมสร้างภูมิต้านทาน การล้างสารพิษออกจากร่างกายออกจากหลอดเลือด การเสริมด้วยวิตามิน แร่ธาตุที่จำเป็น เช่น โคลีน, วิตามินบี, CoQ10, กรดไลโปอิค, แคลเซียม, แมกนีเซียม, น้ำมันปลา  

    การใช้เซลล์ซ่อมเซลล์ช่วยในการแก้ไข อาการที่เกิดจากภาวะวัยทอง โดยเป็นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ เช่น ใช้เซลล์สมอง เซลล์ต่อมใต้สมอง ซ่อมแซมและฟื้นฟูสมอง จะช่วยทำให้ต่อมใต้สมองสามารถสร้างฮอร์โมนกระตุ้นรังไข่หรืออัณฑะให้สร้างฮอร์โมนเพศใช้เซลล์รังไข่หรืออัณฑะ ในการซ่อมอวัยวะเป้าหมายให้สามารถทำงานและยืดอายุการผลิตฮอร์โมนเพศได้ โดยไม่ก่อความเสี่ยงเหมือนกรณีใช้ฮอร์โมนสังเคราะห์จากภายนอก ต่อมใต้สมองยังสร้างฮอร์โมนกระตุ้นต่อมไทรอยด์ พาราไทรอยด์ ต่อมหมวกไต อีกด้วย เซลล์ไพเนียล ซ่อมบำรุงต่อมไพเนียลให้สามารถหลั่งสารสร้างความสุข ซีโรโทนิน และเมลาโทนิน ช่วยให้หลับลึกและยาวนานขึ้นตื่นขึ้นด้วยความกระปรี้กระเปร่า

    หลักการรักษาแบบเซลล์ซ่อมเซลล์เป็นการรักษาแก้ไขที่ต้นเหตุ ช่วยซ่อมแซมเซลล์ของร่างกายให้ทำงานได้ดีอย่างเดิม โดยการฉีดออร์แกโนเปปไทด์เข้าสู่ร่างกาย  คือ เปปไทด์จากไซโตพลาสซึ่ม (Cytoplasm) ที่ยังคงลักษณะทางชีวภาพ (Bioavailability) ซึ่งแยกสกัดมาจากเซลล์ที่ยังเป็นตัวอ่อน ถูกเลี้ยงไว้อย่างดีปลอดเชื้อโรคไม่มีสารพิษ โดยการใช้กรดย่อยผนังเซลล์ (Cell Membrane) ภายใต้ความเย็นสูง พร้อมกับการแยกนิวเคลียสของเซลล์ออกไป สารที่ได้เมื่อนำไปฉีดเข้าสู่ร่างกายจะมีความจำเพาะเจาะจงต่อเซลล์ดั้งเดิม ทำให้การทำงานเซลล์กลับสู่ภาวะปกติมีผลทำให้อวัยวะนั้นทำงานได้ดีขึ้น

    อย่างไรก็ตาม การรักษาย่อมไม่ดีไปกว่าการป้องกันหรือการยืดเวลาแห่งความเป็นหนุ่มเป็นสาวออกไปให้นานที่สุดด้วยหลักการทางธรรมชาติ ดังนี้

- ดำเนินชีวิตอย่างมีวินัย ด้วยการพักผ่อนอย่างเพียงพอ ควรนอนแต่หัวค่ำ เพราะฮอร์โมนเพศชายถูกสร้างในเวลากลางคืน

- งดบุหรี่ และเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งมีผลต่อร่างกายในทุกๆ ระบบ

- กินอาหารที่มีประโยชน์ ลดอาหารประเภทแป้ง น้ำตาล และไขมัน

- ออกกำลังกายเป็นประจำ และลดความเครียด

    ทั้งนี้เพื่อความเป็นหนุ่มเป็นสาวจะได้อยู่คู่กับคุณได้ยาวนาน

SEND A MESSAGE
Your email address will not be published. Required fields are marked.
CALL US : 02 651 5988
Select AH Find Dr Contact Us