โรคภูมิแพ้ โรคยอดฮิตของคนทุกเพศทุกวัย สามารถดีขึ้นได้ไม่ใช่แค่ใช้ “ยา” เพราะนั่นเป็นเสมือนการรักษาที่ปลายเหตุ ดังนั้นคำตอบที่ดีที่สุดของการดูแลรักษา นั่นก็คือการแก้ปัญหาตั้งแต่ต้นเหตุและหาสาเหตุให้ตรงจุด
เนื่องจากสารก่อภูมิแพ้มีมากมาย และในแต่ละคนก็มีปฏิกิริยาที่ไวต่อสารก่อภูมิแพ้แตกต่างกัน อีกทั้งการแสดงอาการยังแสดงออกได้หลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นภูมิแพ้ทางเดินหายใจ ภูมิแพ้ทางผิวหนัง หรือภูมิแพ้ทางเดินอาหาร
แม้โรคภูมิแพ้จะไม่ได้น่ากลัว และร้ายแรงเหมือนโรคเรื้อรังชนิดอื่น ๆ แต่ก็น่ารำคาญและทรมานที่สุด โดยเฉพาะในช่วงที่มีอาการกำเริบ ยิ่งในยุคปัจจุบันที่คนส่วนใหญ่ใช้ชีวิตแบบสังคมเมือง ที่รอบตัวเต็มไปด้วยสารก่อภูมิแพ้ ทั้งจากอาหารที่ทาน สิ่งแวดล้อมรอบตัว มลพิษในชีวิตประจำวัน รวมถึง สถานการณ์ PM 2.5 ที่ส่งผลทำให้โรคภูมิแพ้เพิ่มสูงขึ้น
ต้นเหตุของภูมิแพ้ เกิดจากการที่เม็ดเลือดขาวในร่างกายไปทำปฏิกิริยากับสารก่อภูมิแพ้ที่เรียกว่า Allergen จนกระทั่ง เกิดสารอักเสบขึ้นในร่างกายและเกิดเป็นอาการแพ้ ซึ่งการแพ้แบบนี้สามารถตรวจหาสิ่งที่แพ้ได้โดย การตรวจที่เรียกว่า Skin Prick Test หรือการตรวจสารก่อภูมิแพ้ที่ผิวหนัง โดยขั้นตอนของการตรวจนั้น จะนำสารที่คาดว่าจะแพ้ เช่น ขนสัตว์ ไรฝุ่น เกสรดอกไม้ มาทำการทดสอบแล้วดูว่ามีปฏิกิริยาบวมแดงหรือไม่ หากพบว่ามีการบวมแดงก็แปลว่าร่างกายแพ้สิ่งนั้น ที่เรียกว่า การตรวจ IgE (immunoglobulin E) โดยเป็นการตรวจปฏิกิริยาของเม็ดเลือดขาวที่แสดงผลการแพ้ชนิดเฉียบพลัน
โดยคนส่วนใหญ่ที่เข้ารับการตรวจชนิดนี้ เมื่อทราบผลแล้วก็เลือกที่จะเลี่ยงสารที่ตรวจพบว่าตนเองแพ้ แต่ก็มีหลายครั้งที่พบว่าเมื่อเลี่ยงสิ่งเหล่านี้แล้วอาการแพ้ก็ยังคงมีอยู่ นั่นอาจเพราะร่างกายได้รับการตรวจการแพ้ แค่เพียงการตรวจปฏิกิริยาการแพ้แบบ IgE (immunoglobulin E) ซึ่งเป็นการแพ้แบบเฉียบพลัน โดยไม่ได้รับการตรวจแบบ IgG (immunoglobulin G) ซึ่งเป็นการแพ้ที่เกิดขึ้นอย่างช้า ๆ หลังได้รับสารก่อภูมิแพ้สะสมที่เรียกว่า Delay Type Hypersensitivity ที่โดยส่วนใหญ่สารก่อภูมิแพ้นี้ มักจะเกิดจากอาหาร ซึ่งเป็นภาวะการแพ้ที่ไม่แสดงอาการในทันที ไม่รุนแรง แต่เรื้อรัง และถ้าปล่อยทิ้งไว้นาน ๆ การแพ้อาหารแฝงจะสร้างแอนติบอดีชนิด lgE ทำปฏิกิริยากับอาหารที่แพ้ และส่งผลทำให้ลำไส้รั่วซึม เมื่อร่างกายถูกกระตุ้นมากขึ้นจะนำไปสู่ลำไส้แปรปรวน จนกระทบกับระบบภูมิต้านทาน ทำให้เกิดกระบวนการอักเสบ ซึ่งขึ้นอยู่กับว่า อักเสบที่อวัยวะหรือระบบใดของร่างกาย เช่น ถ้าอักเสบที่เส้นเลือด จะทำให้เส้นเลือดบวม เกิดความดันโลหิตสูง ถ้าอักเสบที่สมอง ก็อาจเกิดการนอนไม่หลับ หงุดหงิดง่าย หรือเสี่ยงต่อการเป็นโรคอัลไซเมอร์ได้ แต่ถ้าอักเสบที่บริเวณข้อ ก็จะเกิดอาการปวดตามข้อ เป็นต้น
ภูมิแพ้อาหารแฝงตรวจเช็กได้
การปล่อยให้โรคภูมิแพ้แฝง ดำเนินต่อเนื่องจนเกิดเป็นโรคเรื้อรังไม่ใช่เรื่องที่ดี ดังนั้นจำเป็นที่ต้องหาต้นเหตุของการแพ้ ซึ่งการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝง จะทำให้ทราบถึงตัวกระตุ้น และเลี่ยงได้ก่อนที่จะเกิดการอักเสบ เพราะการตรวจภูมิแพ้อาหารแฝงสามารถทำให้รู้ได้ว่าร่างกายแพ้อะไร เนื่องจากการตรวจนั้นครอบคลุมการแพ้อาหารถึง 222 ชนิด ซึ่งหากพบว่าแพ้อาหารชนิดใด และหยุดอาหารประเภทที่แพ้ร่วมกับการลดปัจจัยที่มีผลต่อภูมิแพ้ เช่น ลดความเครียดซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการทำให้ต่อมหมวกไตล้า ทั้งยังส่งเสริมการอักเสบในร่างกายออกไป ก็จะสามารถหยุดอาการแพ้ ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาสุขภาพและความเสี่ยงต่อการอักเสบของอวัยวะอื่น ๆ ได้อีกด้วย ทั้งนี้ก็เพื่อสุขภาพร่างกายที่แข็งแรงในระยะยาวของเรา
เมื่อพบต้นเหตุของปัญหา ก็ต้องหาทางแก้ และการทานยาแก้แพ้อาจไม่ใช่คำตอบ
ในทุกครั้งที่แพ้ สิ่งที่คนส่วนใหญ่ใช้ในการรักษาหรือแก้ปัญหาก็คือ การทานยาแก้แพ้ โดยที่ลืมคิดไปว่า เป็นการแก้ปัญหาที่ปลายเหตุ ยิ่งทานยิ่งทำให้ง่วงซึม ดีไม่ดีตับไตทำงานหนัก และอาจตามมาด้วยปัญหาการดื้อยา ดังนั้นการแก้ปัญหาที่ต้นเหตุด้วยการค้นหาในสิ่งที่แพ้จากการตรวจภาวะภูมิแพ้อาหารแอบแฝงจะเป็นการแก้ปัญหาที่ตรงจุดมากกว่า
การแก้ปัญหาภูมิแพ้ที่ต้นเหตุทำอย่างไร
นอกจากตรวจภาวะภูมิแพ้อาหารแฝงจะเป็นการแก้ไขโรคภูมิแพ้ที่ต้นเหตุแล้ว การรักษาโรคภูมิแพ้ที่ต้นเหตุยังมีอีกหลายวิธีการ ดังนี้
- การทำวัคซีนภูมิแพ้เฉพาะบุคคล Allergostop เป็นการทำวัคซีนจากเลือดของผู้ป่วยเอง โดยหลักการของ Allergostop คือ เมื่อร่างกายมีพิษ ก็ต้องสกัดพิษออกมาให้หมดฤทธิ์และนำไปเจือจาง แล้วฉีดกลับเข้าไปเพื่อให้ร่างกายสร้างภูมิใหม่ในการต้านพิษหรือต่อต้านกับอาการแพ้นั่นเอง
- COLON DETOX เพื่อทำความสะอาดสารพิษตกค้างในลำไส้
- คีเลชั่นบำบัด ช่วยในการกำจัดสารพิษและโลหะหนัก เพื่อลดอนุมูลอิสระและสารพิษตกค้าง
- Digestive enzyme มีคุณสมบัติช่วยเรื่องระบบย่อยและทางเดินอาหาร ร่วมกับ Probiotic ช่วยปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้
- เสริมภูมิคุ้มกันด้วยวิตามิน โดยใช้วิตามินและสารอาหารจากธรรมชาติ โดยเน้นวิตามินและสารสกัดในกลุ่ม ต้านอนุมูลอิสระ กรดอะมิโน ร่วมกับสารสกัดเปปไทด์จากธรรมชาติ
- ปรับพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การเลือกทานอาหารที่มีประโยชน์และมีคุณค่าทางโภชนาการ เน้นการทานผักผลไม้ ทำจิตใจให้สบายไม่เครียด รวมถึงออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ต่อมหมวกไตทำงานได้ดีขึ้น เพราะฮอร์โมนที่หลั่งออกมาจากต่อมหมวกไตนั้นจะช่วยให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายทำงานได้อย่างสมดุล
ทั้งหมดนี้ล้วนเป็นการรักษาและฟื้นฟูปัญหาภูมิแพ้ แบบบูรณาการที่จะช่วยให้โอกาสของการหายขาดจากโรคภูมิแพ้เป็นไปได้ โดยไม่ต้องพึ่งพาการทานยาแก้แพ้อีกต่อไป
เข้าสู่ระบบ
Create New Account