โรคหัวใจเป็นอีกหนึ่งโรคร้ายที่น่ากลัว เนื่องจากพบว่ามีผู้ป่วยจำนวนมากเสียชีวิตด้วยโรคนี้ แต่เราสามารถเรียนรู้ที่จะลดความสูญเสียได้ด้วยการดูแลสุขภาพโดยการฟื้นฟูที่ต้นเหตุอย่างถูกวิธีนั้นคือ การฟื้นฟูด้วยการแพทย์แบบบูรณาการ เช่นเดียวกับกรณีของคุณ ทอจ.อำพล สุธาพันธ์ อาชีพ ข้าราการ ในวัย 58 ปี ที่พบว่าป่วยด้วยโรคหัวใจมาแล้ว 11 ปี แต่ยังมีสุขภาพที่แข็งแรงและมีความสุข เนื่องจากผลของการดูแลตัวเองด้วยการแพทย์แบบบูรณาการ รายละเอียดจะเป็นอย่างไร ไปอ่านจากบทความนี้ได้เลยครับ
เมื่อปี 2555 ขณะที่ผมอายุ 47 ปี เริ่มมีอาการผิดปกติในร่างกายเกิดขึ้นโดยมีอาการใจสั่นหวิว มึนงง ปวดศีรษะ เหนื่อยง่าย เหงื่อออกตามฝ่ามือฝ่าเท้า หัวใจเต้นแรง นอนกรน และมีอาการหยุดหายใจในเวลากลางคืน พอรู้สึกตัวก็จะตื่นและหัวใจเต้นแรงมาก โดยผมมักจะตื่นช่วงตี 1 ถึงตี 2 จึงทำให้ต้องทำสมาธิให้นิ่ง หายใจเบา ๆ บีบนวด และดมยาเป็นเวลานาน บางครั้งใช้เวลาถึงเกือบ 1 ชั่วโมง เมื่อหัวใจกลับมาเต้นเป็นปกติ ผมจึงสามารถนอนหลับต่อได้ ผมเป็นอย่างนี้มานานเกือบทุกคืน บางคืนแทบนอนไม่ได้เลย
โดยมีอยู่คืนหนึ่งผมกำลังนอนพักผ่อน แต่นอนไม่ได้เนื่องจากมีอาการหัวใจเต้นแรง ใจสั่น รู้สึกไม่สบายตัวเป็นอย่างมาก จึงตัดสินใจเรียกรถพยาบาล ผมไปตรวจวัดความดันและตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ EKG ผลปรากฏว่าไม่พบความผิดปกติใด ๆ คุณหมอแจ้งว่า ผมมีอาการเครียดจึงให้ยามาทานแก้เครียด
หลังจากนั้นผมจึงเข้าไปรับการตรวจที่โรงพยาบาลอย่างละเอียด ด้วยการตรวจEKG วิ่งสายพาน อัลตราซาวนด์หัวใจ โดยในตอนนั้นคุณหมอสันนิษฐานว่าลิ้นหัวใจผิดปกติ จึงให้ยามาทานเยอะมาก นอกจากนี้ ผมต้องวัดความดัน วัดค่าน้ำตาลในเลือดอยู่ทุกวันเพื่อบันทึกสถิติไว้ เมื่อถึงเวลาที่หมอนัดก็เอาสถิติไปให้คุณหมอดูเพื่อปรับยา ผมเป็นคนที่ไม่ชอบกินยา เพราะจะทำให้ลมหายใจและปัสสาวะมีกลิ่นยา จึงมีความคิดที่จะหาวิธีรักษาโดยไม่ใช้ยา
ผมจึงตัดสินไปรักษาแพทย์ทางเลือกซึ่งให้ทานแต่ผักและเนื้อสัตว์ งดแป้งและน้ำตาล แต่มีตัวช่วยเป็นไฟเบอร์แคปซูลให้กินเสริมน้ำหนักลดลงไปมากจนซูบผอมอย่างมาก ใครเจอก็ทำสีหน้าตกใจแล้วทักว่าทำไมถึงโทรมขนาดนั้น น้ำหนักประมาณ 60 กิโลกรัม หายไป 25 กิโลกรัม เสื้อผ้าต้องลดขนาดไซส์ลงจาก XL เป็น M ถึง S การกินแบบนี้จึงน่าจะมีทั้งผลดีและผลเสียอยู่ในตัวเพราะทำให้ความดันโลหิตลดลง คุณหมอปรับยาลดลง แต่ก็ยังคงต้องกินยาและไปรับยาตามนัดทุก 3 เดือนเรื่อยมา โดยเป็นการรักษาแบบประคับประคองซึ่งใช้ยาสมุนไพรช่วยในการรักษาร่างกายให้ผ่านพ้นไปวัน ๆ ผมจึงคิดว่าหากฝืนรักษาวิธีนี้ต่อไปอาการผมคงไม่ดีขึ้น
จนกระทั่งเวลาผ่านไปเกือบ 5 ปี เมื่อต้นปี 2560 มีเพื่อนผมคนหนึ่งแนะนำว่ามีวิธีรักษาที่เรียกว่า คีเลชั่น (Chelation) ผมเองจากที่ไม่เคยรู้จักการรักษาด้วยวิธีนี้มาก่อนเลย ไป Search Google พบว่ามีคลินิกแห่งหนึ่งอยู่ในจังหวัดที่ผมอยู่ให้บริการการรักษาด้วยวิธีนี้ จึงโทรศัพท์นัดทำคีเลชั่น โดยเริ่มรักษา ตั้งแต่วันที่ 11 กุมภาพันธ์ 2560 ผมไปพบคุณหมอเพื่อตรวจเลือดแล้วสแกนร่างกาย โดยใช้วิธีการตรวจด้วยเครื่อง Bio Feedback Scan ซึ่งมีการแปรผลการตรวจออกมาเป็นเส้นกราฟ พิมพ์ผลการตรวจออกมา ซึ่งจะทำให้เรารู้สภาพร่างกายโดยรวมว่าขาดความสมดุลในร่างกายอย่างไรบ้าง และต้องดูแลตัวเองแบบไหน วันนั้นผมได้รับสารละลายทางเส้นเลือดครั้งแรกโดยเป็นวิตามินรวมซึ่งมีวิตามินบีและวิตามินซีแบบเข้มข้นอยู่ด้วย ทำให้รู้สึกทันทีว่าร่างกายฟื้นฟู และได้คำตอบในใจว่าพบทางรอดของชีวิตแล้ว
ผมรักษาอาการป่วยด้วยการทำคีเลชั่นมาโดยตลอดสัปดาห์ละ 1 ครั้ง เป็นเวลา 9 สัปดาห์ ติดต่อกัน จากนั้น 2 สัปดาห์ และ 3 สัปดาห์ต่อครั้ง ในการเริ่มรักษาช่วงแรกคุณหมอให้รักษาแบบคู่ขนานไปพร้อมกับการรับยาที่โรงพยาบาล เมื่อรักษาคู่ขนานกันไปจึงพบว่าความดันโลหิตเป็นปกติ จนทำให้หมอที่โรงพยาบาลงดให้ยาความดันโลหิต ผมไม่รับประทานยามาตั้งแต่ประมาณปี 2561 และไม่ได้ไปรับยาโรงพยาบาลอีกเลย ผมเชื่อว่าการทำให้การไหลเวียนของเลือดดี ปรับสภาพความสมดุลของเลือดให้ดี มีสารอาหารครบถ้วน มีออกซิเจนเพียงพอ ร่างกายจะฟื้นฟูไปในระดับเซลล์ จะไม่มีอาการเจ็บป่วยอย่างอื่น และรู้สึกว่าร่างกายสดชื่น ย้อนวัยไปเป็นเวลานับสิบ ๆ ปี
นี่คืออีกหนึ่งความสำเร็จในการใช้คีเลชั่นบำบัด เพื่อการฟื้นฟูสุขภาพของผู้ป่วยโรคหลอดเลือดหัวใจที่เราอยากนำประสบการณ์นี้มาแชร์แก่ผู้อ่านทุกท่าน หวังว่าบทความนี้จะมีประโยชน์ต่อผู้ที่มีปัญหาสุขภาพคล้ายกับกรณีของคุณอำพล และกำลังมองหาทางเลือกที่จะช่วยให้คุณภาพชีวิตดีขึ้นและสามารถกลับมาใช้ชีวิตปกติได้ดีดังเดิม
เข้าสู่ระบบ
Create New Account