FAQ

โทรศัพท์ : 026515988
คำถามที่ถูกถามบ่อย
คำถาม : แอ็บโซลูท เฮลธ์ รักษาโรคอะไรบ้าง แตกต่างจากโรงพยาบาลอย่างไร
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : ศูนย์สุขภาพครบวงจร ให้บริการดูแลรักษาและฟื้นฟูสุขภาพด้วยหลักการแพทย์บูรณาการ ผสามผสานนวัตกรรมการรักษาจากหลากหลายศาสตร์ทางการแพทย์เน้นการรักษาที่ต้นเหตุป้องกันไม่ให้เกิดโรค และส่งเสริมการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม ครอบคลุมทุกระบบของร่างกาย ปรับสมดุลฮอร์โมน สมดุลวิตามินและเกลือแร่ ฟื้นฟูและรักษาโรคจากความเสื่อมต่าง ๆ เพื่อเสริมสร้างสุขภาพที่ดีอย่างยั่งยืน ต่างจากการรักษาที่โรงพยาบาลที่ส่วนใหญ่จะเป็นการรักษาตามอาการ เพื่อให้ผู้ป่วยหายจากอาการเจ็บป่วยจากโรคต่าง ๆ เป็นหลัก
คำถาม : สาขากรุงเทพฯ ตั้งอยู่ที่ไหน
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : ศูนย์การแพทย์บูรณาการ แอ็บโซลูทเฮลธ์ กรุงเทพฯ ตั้งอยู่ ซอยร่วมฤดี ถนนเพลินจิต สถานีรถไฟฟ้า BTS เพลินจิต เข้ามาในซอยร่วมฤดี ระยะทางประมาณ 600 เมตร ติดต่อสอบถามและเข้ารับการปรึกษาได้ที่ 02- 651-5988, 089-204-5333 ทุกวัน 9:00-18:00 น.
คำถาม : การตรวจ Bio Energetic Scan สามารถตรวจอะไรบ้างคะ
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : Bio Energetic Scan เป็นการตรวจวิเคราะห์สภาพร่างกายทุกระบบด้วยคลื่นพลังงาน สามารถสแกนเช็คดูสุขภาพได้ทั้งร่างกาย เช่น ตรวจหาการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะต่าง ๆ แบบเจาะลึกดูได้ถึงพลังงานเซลล์ ความเสื่อมและแนวโน้มของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยในการวางแผนดูแลสุขภาพในอนาคตก่อนที่จะเกิดโรคได้ หลังจากที่แพทย์ดูผลและอ่านผลให้คนไข้ฟัง ก็จะประเมินและแนะนำการตรวจอื่นเพิ่มเติมกรณีที่แพทย์สงสัยว่ามีความเสี่ยง อาจจะมีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมขึ้นอยู่กับแพทย์ว่าให้ตรวจอะไรบ้าง โดยจะมีเจ้าหน้าที่ค่อยแจ้งเรื่องค่าใช้จ่ายให้ทราบเป็นข้อมูลในการตัดสินใจก่อนเสมอ
คำถาม : การตรวจ Bio Energetic Scan เหมือนหรือแตกต่างกับการทำ MRI
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : MRI Scan (เอ็มอาร์ไอ) เป็นเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้คลื่นวิทยุร่วมกับคลื่นสนามแม่เหล็กแรงสูงในการถ่ายภาพเนื้อเยื่ออวัยวะ และโครงสร้างอื่น ๆ ภายในร่างกาย Bio Energetic Scan เป็นการตรวจวิเคราะห์สภาพร่างกายทุกระบบด้วยคลื่นพลังงาน สามารถสแกนสุขภาพได้ทั้งร่างกาย เช่น ตรวจหาการทำงานที่ผิดปกติของอวัยวะต่างๆ ลงลึกดูได้ถึงพลังงานเซลล์ ความเสื่อมและแนวโน้มของโรคที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคต ช่วยให้วางแผนดูแลสุขภาพได้ก่อนที่จะเกิดโรค
คำถาม : การ Detox เพื่อสวนล้างลำไส้ มีวิธีการอย่างไร และราคาเท่าไร
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : สวนล้างลำไส้ Colon Detox มี 2 ระบบ
1) การสวนล้างลำไส้ระบบเปิด
เป็นวิธีง่าย ๆ ที่ไม่ต้องเตรียมตัวใดๆ ไม่ต้องอดอาหาร และไม่ต้องกินยาระบายมาก่อน สามารถทำได้ทุกเวลาที่สะดวก ใช้เวลาครั้งละ 45-60 นาที หลังทำจะไม่มีอาการปวดท้อง ท้องเสีย หรืออ่อนเพลียเนื่องจากการสูญเสียเกลือแร่ และสามารถกลับบ้านได้ทันที
เครื่องล้างลำไส้ระบบเปิด ประกอบด้วยเตียงนอนที่มีโถส้วมในตัว มีแท้งค์บรรจุน้ำ 25 ลิตร อยู่ปลายเตียง มีสายและท่อต่อมาทางใต้เตียงเพื่อใช้สำหรับสวนทวาร น้ำที่ปล่อยเข้าลำไส้เป็นน้ำที่ไหลลงมาตามแรงดึงดูด ไม่มีปั้มน้ำ ไม่มิแรงดันจึงไม่เป็นอันตรายใด ๆ วิธีการคือ
1.แพทย์จะสอดหลอดสวนขนาดเท่ากับหลอดกาแฟเข้าทางทวารหนักอย่างนุ่มนวลลึกเพียง 2 นิ้ว
2. เปิดให้น้ำอุ่นไหลเข้าลำไส้ช้า ๆ
3. ระหว่างนั้นจะทำการนวดหน้าท้องไปด้วยเพื่อให้ตะกรันที่เกาะบริเวณผนังลำไส้หลุดออก
4. ผู้ป่วยจะถ่ายเอาของเสียและน้ำออกจากลำไส้ด้วยการเบ่งเหมือนกับการถ่ายอุจจาระตามปกติ
5. ปริมาณของน้ำที่ไหลเข้าไปในลำไส้แต่ละครั้งไม่ถึง 1 ลิตร จะถูกขับออกมาพร้อมกับของเสียผ่านทางทวารหนัก และผ่านออกข้างๆ หลอดสวนโดยไม่ต้องถอดหลอดสวนออก ทำหมุนเวียนเช่นนี้จนน้ำหมด 25 ลิตร ลำไส้จะสะอาดขึ้น และรู้สึกโล่งขึ้นในทันที
สาขาที่ให้บริการ Colon Detox ระบบเปิด คือ
- พัทยา 038-423-213
- ขอนแก่น 043-338-208
- โคราช 044-756-489
- อุดรธานี 042-212-600
โดยสาขา จะเปิดทุกวัน ยกเว้น วันพุธ
2) การสวนล้างลำไส้ระบบปิด
เป็นการใช้อุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ได้มาตรฐานระดับสากล ในการสวนล้างลำไส้ระดับบนด้วยระบบปิด พัฒนาโดยประเทศเยอรมัน น้ำที่ใช้ในการสวนล้างลำไส้ถูกควบคุมอุณหภูมิให้เหมาะสมต่อร่างกายและผ่านกระบวนการฆ่าเชื้อ มีความบริสุทธิ์และปราศจากเชื้อแบคทีเรีย มีการควบคุมปรับแรงดันน้ำที่เหมาะสมช่วยให้ปลอดภัยในการส่งน้ำเข้าไปในสำไส้ส่วนลึก จึงสามารถล้างลำไส้ใหญ่ได้ทั้งระบบ ต่างจากการสวนล้างแบบระบบอื่น ๆ ที่ส่งน้ำเข้าไปได้เพียงลำไส้ส่วนปลายเท่านั้น ระหว่างบำบัดระบบจะปล่อยน้ำเข้าสู่ลำไส้อย่างช้า ๆ ใช้ระยะเวลาทั้งหมด 45 นาที ผ่านทางทวารหนักด้วยสายสวนขนาดเล็กและถูกขับออกมาในระบบปิด กระบวนการสวนล้างนี้อยู่ภายใต้การดูแลโดยบุคลากรทางการแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ พร้อมอุปกรณ์ที่ถูกออกแบบมาเพื่อการสวนล้างลำไส้โดยเฉพาะ และยังมีความสะดวกสบาย นอกจากนี้ระบบปิดยังป้องกันการติดเชื้อและอุปกรณ์ที่สัมผัสร่างกายโดยตรง เป็นอุปกรณ์ที่ผ่านการฆ่าเชื้อและใช้แล้วทิ้ง จึงมั่นใจได้ในคุณภาพและความปลอดภัย
หากสนใจสามารถโทรนัดหมายเพื่อเข้ารับบริการได้ที่ แอ็บโซลูท เฮลธ์ สาขากรุงเทพฯ ให้บริการแบบระบบปิด
เบอร์ติดต่อ 02-651-5988 เปิดทุกวัน 9:00-18:00 น.
คำถาม : Ozone Therapy กับ Oxidation Therapy เหมือนกัน หรือต่างกัน อย่างไร
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : - การทำ Ozone Therapy คือ
การใช้โอโซนทางการแพทย์มาใช้ในการรักษาโรคติดเชื้อ อาทิ ไข้หวัด ลดการอักเสบ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิต้านทานในผู้ป่วย โรค SLE ภูมิแพ้ และยังช่วยเพิ่มออกซิเจนให้ระบบไหลเวียนเลือดดีขึ้น ซึ่งมีทั้งใช้โอโซนในการรักษาทั่วร่างกาย รักษาเฉพาะจุด ได้แก่ ลดการอักเสบเฉพาะจุด การอบแผลเฉพาะจุด และฉีดเข้าทางทวารหนักเพื่อรักษาการติดเชื้อในลำไส้
- การทำ Oxidation Therapy เป็นหนึ่งในการทำ Ozone Therapy ที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายเกิดขบวนการ Oxidation กระตุ้นการทำงานของเม็ดเลือดขาว เม็ดเลือดแดง และเกล็ดเลือด ทำให้ออกซิเจนในเนื้อเยื่อสูงขึ้น ช่วยให้การอักเสบลดลง ต่อต้านการติดเชื้อในผู้ที่เป็นโรคติดเชื้อเรื้อรัง อาทิ ไวรัสตับอักเสบ โรคข้ออักเสบ โรคจากไวรัสคอกแซคกิ (Coxsackie Virus) เชื้อเริม งูสวัส ไข้หวัดใหญ่ วัณโรค ปอดบวม ช่วยเรื่องการไหลเวียนของเลือดฝอย และระบบภูมิคุ้มกันดีขึ้น และเป็นการดีท็อกซ์ระดับเซลล์
คำถาม : ถ้าเราทราบว่าภายในร่างกายมีสารพิษตกค้าง จะมีวิธีการรักษาอย่างไรบ้าง
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : รักษาด้วยการทำ “คีเลชั่น” (Chelation Therapy)
โดยใช้ตัวยาที่มีคุณสมบัติดูดซับสารพิษและขจัดออกทางปัสสาวะ (Chelating Agent) อาทิ EDTA, DMSA, หรือ DMPS เมื่อสารพิษโลหะหนักถูกขับออกพร้อมปัสสาวะ จึงช่วยลดการคั่งค้างของสารพิษโลหะหนักในร่างกาย อีกทั้ง นอกจากตัวดูดซับสารพิษที่ให้แล้ว ยังมีการผสมวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ ด้วย ซึ่งมีส่วนช่วยฟื้นฟูสุขภาพ ปรับสมดุลแก่ร่างกายไปพร้อมๆ กัน ซึ่งการทำมีอยู่ 3 รูปแบบ ดังนี้
1. แบบการให้น้ำเกลือทางหลอดเลือดดำ
2. แบบสอดผ่านการเหน็บทางทวารหนัก
3. แบบรับประทานผ่านการกิน
โดยแพทย์จะพิจารณาจากประวัติ การตรวจร่างกาย อาการ และผลตรวจทางห้องปฏิบัติการ เพื่อให้เหมาะสมกับคนไข้แต่ละบุคคลมากที่สุด
คำถาม : ไฟโบรบลาสต์ คืออะไร เหมือนหรือแตกต่างกับฟิลเลอร์ อย่างไร
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : ไฟโบรบลาสต์ (Fibroblast) คือ เซลล์ที่เป็นตัวสร้างโปรตีนคอลลาเจนและอิลาสติน ซึ่งช่วยในการรักษาความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังช่วยยึดเหนี่ยวให้มีความเเข็งแรง และความยืดหยุ่นกับผิวหนัง เมื่ออายุมากขึ้นตั้งแต่ 25-30 ปี ขึ้นไป ไฟโบรบลาสต์จะค่อย ๆ ลดจำนวนลง ไม่สร้างคอลาเจนและอิลาสตินขึ้นใหม่ แต่ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้า เราจึงสามารถเติมไฟโบรบลาสต์เข้าไปในชั้นผิวหนังเมื่อไฟโบรบลาสต์มีจำนวนมากขึ้น ก็จะสร้างคอลลาเจนและอีลาสตินให้มีมากขึ้น ฉะนั้น ความยืดหยุ่นของผิวหนัง ความกระชับ เต่งตึงของผิวหนังก็จะฟื้นขึ้นใหม่ ช่วยให้มีคุณภาพผิวที่ดีและเปล่งปลั่ง มากขึ้นจากภายใน ซึ่งราคาจะขึ้นอยู่กับจำนวนเซลล์ของไฟโบรบลาสต์ที่ใช้ โดยแพทย์จะเป็นผู้ประเมินและกำหนดจำนวนเซลล์จากสภาพผิวของคนไข้ ส่วนการใช้ฟิลเลอร์ คือ การฉีดสารช่วยเติมเต็มหรือปรับแต่งรูปทรงสัดส่วนแต่ละจุดบนใบหน้า เช่น ริ้วรอยใต้ตา ร่องแก้ม โหนกแก้ม ปลายคาง ริ้วรอยบนหน้าผาก ซึ่งเป็นสารเติมเต็มจากภายนอก เพื่อช่วยให้ได้รูปทรงใบหน้าที่สวยงามมากยิ่งขึ้น
คำถาม : กระตุ้นเซลล์สมองด้วยเลเซอร์ มีวิธีการทำอย่างไร
อ่านเพิ่มเติม
คำตอบ : กระตุ้นเซลล์สมองด้วยเลเซอร์ เป็นการรักษาควบคู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน โดยปกติคนไข้จะไม่มีอาการเจ็บปวดใด ๆ หลังจากการทำ ซึ่งแพทย์จะเป็นประเมินการรักษาว่าคนไข้จะต้องทำกี่ครั้งและจะแนะนำให้ทำควบคู่กับการรักษาแพทย์แผนปัจจุบัน
Select AH Find Dr Contact Us